เมื่้อวันที่ 11 ส.ค.64 นายวัฒนศักย์
เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า
จากความต้องการไข่ไก่ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากภาวะปกติ
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ทำให้มีกระแสข่าวว่าไข่ไก่ในระบบมีปริมาณไม่เพียงพอ
และอาจจะมีผู้ฉวยโอกาสกักตุนไข่ไก่ และปรับราคาขายปลีกไข่ไก่สูงขึ้น
กรมได้หารือภาครัฐและองค์กรผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อประเมินสถานการณ์
โดยกรมปศุสัตว์ใช้มาตรการให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ยืดอายุการปลดแม่ไก่ยืนกรงออกไปจากเดิมปลดที่
75 สัปดาห์ เป็นปลดที่ 85-90
สัปดาห์ จะทำให้มีไข่ไก่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเป็น
42 ล้านฟองต่อวัน เพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน
โดยกรมปศุสัตว์ใช้มาตรการให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ยืดอายุการปลดแม่ไก่ยืนกรงออกไปจากเดิมปลดที่
75 สัปดาห์ เป็นปลดที่ 85-90
สัปดาห์
จะทำให้มีไข่ไก่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 42
ล้านฟองต่อวัน
เพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน
นอกจากนี้
กรมลงพื้นที่สำรวจภาวะการค้าปลีกไข่ไก่ พบว่าภาวะการค้าในตลาดสดชะลอตัวลงมาก
จากข้อกังวลของผู้บริโภคที่รับทราบข่าวการปิดตลาดสด
เนื่องจากตรวจพบผู้ติดเชื้อในช่วงที่ผ่านมา
ประชาชนส่วนใหญ่ได้หันไปจับจ่ายซื้อหาสินค้าจำเป็นรวมถึงไข่ไก่ในห้างค้าปลีกค้าส่งเพิ่มขึ้น
สำหรับปัญหาความล่าช้าของการขนส่งสินค้าเพื่อกระจายเข้าสาขาของห้าง
ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ได้รับการยืนยันจากทุกห้างว่า
ได้ปรับวิธีการขนส่งกระจายสินค้าให้คล่องตัวขึ้น และไข่ไก่ไม่ขาดแคลน
ปริมาณที่วางจำหน่ายมีเพียงพอกับลูกค้าของห้าง
ทั้งนี้ ราคาขายปลีกไข่ไก่เบอร์ 3 ในตลาดสดอยู่ที่ 3.60-3.70 บาทต่อฟอง หรือ 108-110 บาทต่อถาด (30 ฟอง) ซึ่งทุกห้างจะมีไข่ไก่ในบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษจำหน่ายในราคาใกล้เคียงกับตลาดสด เพื่อเป็นทางเลือกของประชาชนผู้บริโภค
“ขอให้ประชาชนมั่นใจและคลายความวิตกกังวลเรื่องปริมาณและราคาไข่ไก่
กรมร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งกรมปศุสัตว์ องค์กรผู้เลี้ยงไก่ไข่
และห้างค้าปลีก-ค้าส่ง
บริหารจัดการการกระจายสินค้าให้ทั่วถึงและมีปริมาณที่เพียงพอ
รวมถึงช่วยพยุงราคา
และกรมหวังว่าจะไม่มีการสร้างกระแสข่าวเท็จให้ประชาชนต้องสับสนและวิตกกังวล
ขอเตือนผู้ที่กักตุนไข่ไก่ และตั้งราคาขายปลีกสูงขึ้นเกินสมควร
ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้เดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก
โดยพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิด ตามมาตรา 29
แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ต้องระวางโทษจำคุก 7
ปี ปรับ 140,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ทั้งนี้ หากประชาชนผู้บริโภคพบเห็นผู้ประกอบการรายใด ที่มีพฤติกรรมกักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสูงเกินควร โปรดแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด เพื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายทันที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.khaosod.co.th